เวลา : ความหมาย
หากเราขอให้ใครอธิบายความหมายของคำว่า
เวลา เราจะได้รับคำตอบต่างๆ นานา เช่น
นักชีววิทยาคิดว่า.'' เวลา คือ ปัจจัยหนึ่งที่กำหนดพฤติกรรมของสัตว์และพืชให้ดำเนินไปอย่างสมดุลกับธรรมชาติ "
นักฟิสิกส์คิดว่า '' เวลา คือ มิติหนึ่งของจักรวาล "
แต่ในมุมมองของคนทั่วไป
คิดว่า " เวลา คือ ตัวเลขที่อยู่บนหน้าปัดนาฬิกา "
ไม่เพียงคนในยุคปัจจุบันเท่านั้นที่ครุ่นคิดหาความหมายของเวลา
แม้แต่คนในยุคโบราณก็ได้เคยศึกษาธรรมชาติของเวลาเช่นกัน เช่นเมื่อประมาณ 4,500 ปีก่อนนี้ เมื่อชาวบาบิโลนเห็นดาวเคราะห์เคลื่อนที่
เห็นฤดูกาลเปลี่ยนเห็นกลางวันเปลี่ยนเป็นกลางคืน เขาก็เริ่มรู้ความหมายของเวลา
จึงเรียกระยะเวลาที่ฤดูเปลี่ยนจากฤดูร้อนเป็นฤดูฝน แล้วเข้าฤดูหนาว
จนกระทั่งกลับเข้าสู่ฤดูร้อนอีกครั้งหนึ่งว่าหนึ่งปี
และเรียกระยะเวลาที่เปลี่ยนจากกลางวันเป็นกลางคืน แล้วกลับสู่กลางวันอีกว่า
หนึ่งวัน
( สุทัศน์ ยกส้าน. 2544: 159 )
เขตเวลาโลก /
เขตเวลามาตรฐาน
โลกแบ่งเขตเวลาออกเป็น 24 เขตเวลา โดยใช้เส้นลองติจูดแบ่งเขตต่างๆ บนแผนที่
นับเริ่มต้นจากเมืองกรีนวิช ( Greenwish ) กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยที่เขตเวลาที่อยู่ทางตะวันออกของเมืองกรีนวิช
เวลาจะเร็วกว่า 1 ชั่วโมง
ส่วนเขตเวลาที่อยู่ทางตะวันตกของเมืองกรีนวิชเวลาจะช้ากว่า 1 ชั่วโมง
ส่วนเวลาในประเทศไทยนั้น
ในสมัยโบราณคนไทยกำหนดเวลาอย่างคร่าวๆ คือ ตอนดวงอาทิตย์ขึ้นเรียกว่า ย่ำรุ่ง
เวลาดวงอาทิตย์อยู่ตรงศีรษะพอดีเรียกว่า เที่ยงวัน และ เวลาดวงอาทิตย์ตกเรียกว่า
ย่ำค่ำ ต่อมาได้มีการจัดตั้งกรมอุทกศาสตร์ และมีนาฬิกาใช้
จึงมีการกำหนดเวลาให้เร็วกว่าเวลาที่เมืองกรีนวิช 6 ชั่วโมง 41นาที 58.2 วินาที
ต่อมาในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2462
ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้มีการประชุมว่าด้วยอุทกศาสตร์ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
รัฐบาลไทยได้ส่งผู้แทนเข้าร่วมประชุมด้วย
การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดเวลาที่ใช้สำหรับประเทศต่างๆ
ให้นับห่างกันเพียงกึ่งชั่วโมง เพื่อให้สะดวกในการคิดคำนวณ
และได้กำหนดให้เมืองกรีนวิช กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นจุดแห่งการกำหนด
และเรียกว่า เวลามาตรฐานกรีนวิช ( Greenwish Mean Time
) ดังนั้นประเทศไทยจึงได้เปลี่ยนมาใช้เวลามาตรฐานเป็นเวลามาตรฐานของประเทศไทย
โดยเป็นเวลาก่อนเวลามาตรฐานกรีนวิช 7 ชั่วโมงตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2463 เป็นต้นมา
ที่มา http://iam.hunsa.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น